แรงงานเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้สร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตในระบบประกันสังคมให้กับแรงงาน ด้วยการเฉลี่ยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน ผ่านกองทุนประกันสังคม ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แบ่งออกเป็น
โดยแต่เดิมแรงงานที่มีสถานะเป็นลูกจ้างที่มีนายจ้างได้รับความคุ้มครอง จากกองทุน เงินทดแทนซึ่งให้ความคุ้มครองเพียงกรณีที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ด้วยโรคอันเนื่องมาจากการทำงานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2515 โดยให้ความคุ้มครองเฉพาะสถานประกอบการที่มี ลูกจ้าง 20 คนขึ้นไป ในเขตกรุงเทพมหานคร และได้ขยายความคุ้มครองออกไปจนครบทุกจังหวัด ใน ปี พ.ศ. 2531 ต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญัติเงินทดแทนขึ้น ใน ปี พ.ศ. 2537 แต่เพื่อให้แรงงานได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นระบบเต็มรูปแบบในเวลาต่อมา จึงมีการผลักดันให้มีการตราพระราชบัญญัติประกันสังคมขึ้น ใน ปี พ.ศ. 2533 ซึ่งในปัจจุบันนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไปต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างภายใน 30 วันนับจากวันที่ลูกจ้างเข้าทำงาน สำหรับลูกจ้างให้ขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลูกจ้างเข้าทำงาน โดยนายจ้างและลูกจ้างต้องนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน ฝ่ายละเท่ากันในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง โดยรัฐบาลสมทบเงินเข้ากองทุนด้วยส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ ซึ่งลูกจ้างจะมีสิทธิในกองทุนประกันสังคม ดังนี้
ทั้งนี้ กองทุนประกันสังคมเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสมทบจากนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 โดยสถานะเงินกองทุนประกันสังคม ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2567 มีจำนวน 2,603,245 ล้านบาท ดังนี้
โดยที่กองทุนประกันสังคมมีรายรับหลักเข้ากองทุนจาก 3 แหล่งด้วยกัน ได้แก่ เงินสมทบรับ ผลตอบแทนจากการลงทุน และรายได้อื่น ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2567 กองทุนมีรายรับรวม 100,862 ล้านบาท จำแนกเป็น รายรับจากเงินสมทบ จำนวน 43,886 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43.51 ของรายรับทั้งหมด ผลตอบแทนจากการลงทุน จำนวน 54,862 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54.39 ของรายรับทั้งหมด และรายได้อื่น ๆ จำนวน 2,114 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.10 ของรายรับทั้งหมด ในขณะที่รายจ่ายของกองทุนประกันสังคมประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ คือ รายจ่ายเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทน ค่าบริหารสำนักงาน และรายจ่ายอื่น ๆ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2567 กองทุนมีรายจ่ายรวม 49,374 ล้านบาท จำแนกเป็นรายจ่ายเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทน จำนวน 28,220 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 57.16 ของรายจ่ายทั้งหมด ค่าบริหารสำนักงาน จำนวน 1,379 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.79 ของรายจ่ายทั้งหมด รายจ่ายอื่น ๆ จำนวน 19,775 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40.05 ของรายจ่ายทั้งหมด
นอกจากนั้น สถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับกองทุนประกันสังคม ในช่วงไตรมาส 1 พ.ศ. 2567 มีจำนวน 523,917 แห่ง เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาจำนวน 3,146 แห่ง หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.60 ส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบการขนาดเล็กที่มีลูกจ้างน้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 คน คิดเป็นร้อยละ 73.28 ของจำนวนสถานประกอบการทั้งหมด โดยในช่วงไตรมาส 1 ปี พ.ศ. 2567 ผู้ประกันตนในความคุ้มครองของกองทุนประกันสังคมทุกมาตรา มีจำนวน 24,633,584 คน ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา จำนวน 13,317 คน หรือลดลงร้อยละ 0.05 แบ่งออกเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11,882,607 คน ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1,770,493 คน และผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 10,980,484 คน
ดังนั้น การที่สำนักงานประกันสังคม จัดให้มีกองทุนประกันสังคมเป็นการสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตให้กับแรงงาน โดยจะมีมาตรการในการขยายเพดานการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน การขยายอายุเกษียณของผู้ประกันตน และการเพิ่มจำนวนผู้ประกันตน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับกองทุนประกันสังคม ให้สามารถดูแลผู้ประกันตนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
Copyright © 2022 National Assembly Library of Thailand
The Secretariat of the House of Representatives
1111 Samsen Road, Thanon Nakhon Chai Si, Dusit, Bangkok 10300, THAILAND
Tel: +66(0) 2242 5900 ex 5714, 5715, 5721-22 Fax: +66(0) 2242 5990
Email: library@parliament.go.th