การพิจารณาเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรในประเทศไทย

ผู้เรียบเรียง :
รติมา คชนันทน์, วิทยากรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานบริการวิชาการ 2 สำนักวิชาการ
วันที่ออกอากาศ :
2566-05
ประเภทสิ่งพิมพ์ :
หน่วยงานที่เผยแพร่ :
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักวิชาการ
สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา

 

จุดเริ่มต้นของแนวคิดการเปิดกาสิโนในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อสมัยรัฐบาล พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้มีการศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการสร้างกาสิโนในรูปแบบสถานบันเทิงแบบครบวงจร ต่อมาสมัยนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ผลักดันให้ศึกษาธุรกิจกาสิโนเป็นวาระแห่งชาติอย่างจริงจังอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2551 โดยให้เหตุผลตามแบบอย่างต่างประเทศที่ธุรกิจการพนันสามารถสร้างรายได้ให้กับภาครัฐเพื่อนำไปสนับสนุนในกิจการการพัฒนาประเทศต่อไป แต่สุดท้ายก็ไม่มีการเกิดขึ้น เนื่องจากยังคงมีหลายฝ่ายคัดค้านและมีความกังวลในหลาย ๆ ด้าน อาทิ การไม่มีมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมกำกับดูแลการพนัน หรือความล้มเหลวในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหา การพนันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ลำดับถัดมาในปี 2554 สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า นายวันชัย สุระกุล ซึ่งในขณะนั้น ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่ออนุญาตให้มีการออกสลากที่มีความหลากหลาย และเปิดสถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจรซึ่งรวมถึงกาสิโน แต่นางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐบาลในขณะนั้น  ลงความเห็นว่ายังไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน แนวความคิดดังกล่าวจึงตกไป กระทั่งมีการเสนอแนวคิดให้มี การเปิดกาสิโนอย่างถูกกฎหมายอีกครั้งเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2558 โดยสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 12 คน ในนาม “กลุ่มรักชาติ” นำโดยพันตรีอาณันย์ วัชโรทัย และคณะ เพื่อกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการจัดเก็บรายได้จากกาสิโนถูกกฎหมายเข้ารัฐ สร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนภายในท้องถิ่นและป้องกันการลักลอบเปิดกาสิโนผิดกฎหมาย อีกทั้ง ในแต่ละปียังพบว่ามีประชาชนไทยจำนวนมากหลั่งไหลเข้าใช้บริการกาสิโนที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านรอบ ๆ ประเทศไทย ทั้งกัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้นำเงินออกไปใช้จ่ายนอกประเทศเป็นจำนวนมหาศาล ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงควรพิจารณาผ่านกฎหมายดังกล่าว เพื่อดึงเม็ดเงินที่ไหลออกกลับเข้าสู่ประเทศ ทั้งนี้กลุ่มรักชาติได้มีการนำเสนอมาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงและกำหนดให้กลุ่มผู้ใช้บริการหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ท้ายที่สุดเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้มีการเสนอเข้าสภาปฏิรูปแห่งชาติและไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในแผนการปฏิรูปเป็นเพียงการเสนอความเห็นของบุคคล  

กระทั่งวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศ พร้อมด้วยญัตติเรื่องเดียวกันอีก 12 ฉบับ ไปพิจารณาพร้อมกัน นับเป็นครั้งแรกที่การประชุม สภาผู้แทนราษฎรของไทยได้หยิบยกเกี่ยวกับบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายมาเป็นญัตติในการพิจารณาครั้งแรก  พร้อมกันมากถึง 12 ญัตติ ซึ่งล้วนมีข้อเสนอที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วคือต้องการให้ประเทศไทยมีสถานบันเทิงครบวงจร หรือ บ่อนกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้รัฐมีแหล่งรายได้ใหม่จากกลุ่มนักท่องเที่ยว และนักแสวงโชคชาวต่างชาติโดยที่ภาครัฐไม่ต้องลงทุน กอปรกับการนำไปสู่การจ้างงาน  หลายด้านอันจะเป็นผลต่อต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ขณะที่ในมิติด้านสังคมคือทำให้มีฐานข้อมูลของบ่อเกิดอาชญากรรม อีกทั้งเป็นการป้องกันการทุจริตในวงราชการ ซึ่งการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาร่วมพิจารณาเรื่องนี้ถือเป็นกระบวนการที่น่าสนใจ เพราะที่ผ่านมาในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ก็ใช้กระบวนการในแบบเดียวกันเพื่อพิจารณา เนื่องจากในทุกประเทศเริ่มแรกก็มักจะมีการถกเถียงของฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย การใช้กลไกของรัฐสภาในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับได้และมีหลายประเทศทำในรูปแบบเดียวกัน ในที่สุดคณะกรรมาธิการก็ได้จัดทำรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจ กาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้าและการพนันออนไลน์ ออกมาอย่างเป็นทางการ และได้รับความเห็นชอบจากมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 เพื่อส่งไปยังคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของไทยในประเด็นแนวคิดการทำการพนันให้เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมามีการถกเถียงกันมายาวนานกว่า 10–20 ปี อีกทั้งด้วยสถานการณ์ของประเทศตอนนี้ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเด็นดังกล่าวกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งเมื่อรัฐต้องพยายามหารายได้เข้ามาในประเทศมากขึ้น และเกือบทุกประเทศรอบตัวโดยเฉพาะในอาเซียนได้ตัดสินใจเปิดธุรกิจดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว ยากต่อการตัดสินใจ เนื่องจากยังคงมีทั้งในส่วนของผู้ที่คัดค้านที่ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของจริยศาสตร์ ซึ่งมองว่าการพนันเป็นเรื่องที่ผิดตามหลักพุทธศาสนา รวมถึงปัญหาสังคมอีกมากมายที่อาจจะตามมา ดังนั้น การตัดสินใจเชิงนโยบาย จึงจำเป็นต้องพิจารณาจากบริบทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการศึกษาจากบทเรียนและประสบการณ์จากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการมาเป็นแบบอย่าง 

ภาพปก