วิกฤตประชากร

Script Writer
จันทมร สีหาบุญลี, วิทยากรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานวิจัยและพัฒนา สำนักวิชาการ
Broadcast Date
2024-09
Publication type
Publisher
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักวิชาการ
สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา

ประชากรเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญของชาติมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในอนาคตของทุกประเทศให้มีความเจริญมั่นคงยั่งยืน โดยเฉพาะหลายประเทศที่พัฒนาแล้วในทวีปเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และสิงคโปร์ ประสบปัญหาจำนวนประชากรสูงวัยเพิ่มจำนวนมากขึ้น ขณะเดียวกันภาวการณ์เจริญพันธุ์อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลง ประกอบกับอัตราการตายของประชากรยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความเจริญและทันสมัยของเทคโนโลยีทางการแพทย์และการรักษาโรค การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรลักษณะเช่นนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ภาวะการลดลงของประชากรเกิดใหม่จึงกลายเป็นวิกฤตของประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา ส่วนประเทศไทยอยู่ในสภาวะวิกฤตประชากรเช่นเดียวกัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรไทย จากข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ จำนวน 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20.08 ในขณะที่เด็กเกิดใหม่มีเพียง 5.18 แสนคน และคาดว่าประชากรไทยจะลดจำนวนลงเหลือ 60 ล้านคน ในปี 2585 โดยประชากรวัยเด็กอายุระหว่าง 0-14 ปี จะมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 16.27 เหลือร้อยละ 10.36 ประชากรวัยแรงงานอายุระหว่าง 15-59 ปี ลดลงจากร้อยละ 64.87 เหลือร้อยละ 58.20 ในขณะที่สัดส่วนผู้สูงอายุซึ่งมีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 18.86 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 31.44 ซึ่งจำนวนผู้สูงอายุได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 12.5 ล้านคน เป็น 18.9 ล้านคน 

ที่ผ่านมาประเทศไทยมีภาวะอัตราการเกิดลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษ คือ อัตราการเกิดของประชากรไทยในปี 2557 มีจำนวน 7.7 แสนคน มีสัดส่วนลดลงในปี 2566 จำนวน 5.18 แสนคน จากข้อมูลโครงสร้างด้านประชากรจะส่งผลกระทบให้ประเทศไทยต้องประสบกับวิกฤตประชากรและอาจทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับอุปสรรคในการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน ตัวอย่างปัญหาการเกิดวิกฤตประชากร เช่น การขาดแคลนประชากรวัยแรงงานทำให้ความสามารถในการแข่งขันและการผลิตของประเทศลดลง และประสบกับปัญหาการพึ่งพาของประชากรผู้สูงวัยต่อประชากรวัยแรงงานเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในของประเทศต่อบุคคลและมาตรฐานการดำรงชีพของประชากรลดลง ซึ่งนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้และอาจนำไปสู่ปัญหาความไม่มั่นคงยั่งยืนของสังคม 

ปัจจัยที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดวิกฤตประชากรของประเทศไทย คือ การเพิ่มจำนวนของผู้สูงอายุซึ่งมีอัตราส่วนในทิศทางตรงกันข้ามกับอัตราการเกิดที่ลดลง สอดคล้องกับข้อมูลของนักวิชาการจาก สถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบว่าสาเหตุการเกิดของประชากรไทยลดลง คือ 

  1. 1) ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูค่อนข้างสูงจากความคาดหวังให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ 
  2. 2) การขาดความพร้อมของครอบครัว เพราะต้องทำงานหนักจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยประกอบกับการเลี้ยงเด็กในช่วงวัยต้น ๆ ต้องใช้ทักษะความสามารถและพลังงานสูง 
  3. 3) โครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นครอบครัวขนาดกลางทำให้ความช่วยเหลือภายในครอบครัวลดน้อยลงตามไปด้วย
  4. 4) ความต้องการเป็นอิสระของชีวิตในการท่องเที่ยว การแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ และการเปลี่ยนงานบ่อยครั้ง ในขณะเดียวกันสถานการณ์ทางการเมืองเป็น

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนวัยเจริญพันธุ์ไม่อยากมีบุตร เพราะมองว่าสังคมไทยมีปัญหาที่หลากหลาย จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและปัจจัยที่เป็นสาเหตุสำคัญในการลดลงของเด็กเกิดใหม่จนเกิดภาวะวิกฤตประชากร ประเทศไทยโดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจึงได้ร่วมมือกันออกแบบนโยบาย มาตรการและการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้านประชากร เพื่อให้สังคมตระหนักรู้และเข้าใจถึงผลกระทบ
ที่เกิดขึ้นจากภาวะวิกฤตประชากรที่อาจจะส่งผลเสียต่อคุณภาพการดำรงชีวิตของประชากรทุกช่วงวัย รัฐบาลจึงได้กำหนดเป้าหมายและการพัฒนาประเทศด้านการประชากรให้มีความมั่นคงยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 
20 ปี พ.ศ. 2561-2580 คือ การส่งเสริมให้ประชากรวัยเจริญพันธุ์มีบุตร การพัฒนาและยกระดับผลิตภาพประชากร การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากร ทั้งในเรื่องของการได้รับสิทธิและสวัสดิการของประชาชนวัยเจริญพันธุ์ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและระบบการคุ้มครองทางสังคม รวมทั้งเป็นการสนับสนุนสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ

ภาพปก