ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาอย่างยั่งยืน และภาวะโลกร้อน หนึ่งในปัญหาที่น่าเป็นห่วงแต่กลับถูกมองข้ามอยู่เสมอคือ “ขยะอาหาร” หรือ “Food Waste” ขยะอาหารคืออาหารที่ยังสามารถบริโภคได้ แต่กลับถูกทิ้งไปในกระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การจัดจำหน่าย ไปจนถึงการบริโภค ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่เสียก่อนถึงมือผู้บริโภค เศษอาหารที่เหลือจากการปรุง หรืออาหารที่บริโภคไม่หมด ผลกระทบจากขยะอาหารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ แต่ยังกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง การผลิตอาหารหนึ่งชิ้นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก เมื่ออาหารเหล่านั้นถูกทิ้ง เท่ากับทรัพยากรเหล่านั้นสูญเปล่า นอกจากนี้ ขยะอาหารยังกลายเป็นแหล่งปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน
การลดขยะอาหารเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ซึ่งองค์การสหประชาชาติ ได้ตั้งเป้า ให้ในปี ค.ศ. 2030 ขยะอาหารที่เกิดจากการจำหน่ายและการบริโภคทั่วโลกต้องลดลงร้อยละ 50 โดยในหลายประเทศได้ให้ความสำคัญกับการลดขยะอาหารผ่านมาตรการภาคบังคับ เช่น ฝรั่งเศสใช้มาตรการทางกฎหมายห้ามซูเปอร์มาร์เก็ตทิ้งหรือทำลายอาหารที่เหลือจากการจำหน่าย แต่ให้นำอาหารเหล่านั้นไปบริจาคองค์กรการกุศลและธนาคารอาหาร โดยกฎหมายดังกล่าว ได้ผ่านมติอย่างเป็นเอกฉันท์จากสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศส ในการกำหนดให้ซูเปอร์มาร์เก็ตห้ามทิ้งอาหารที่เหลือจากการจำหน่ายและยังมีคุณภาพดี โดยอาหารเหล่านี้ องค์กรการกุศลสามารถนำไปแจกจ่ายให้แก่คนที่เดือดร้อนประทังชีวิตได้อีกมาก หรือสิงคโปร์ได้ประกาศใช้กฎหมายที่บังคับให้ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมขนาดใหญ่แยกขยะอาหารอินทรีย์ออกจากขยะประเภทอื่น การแยกขยะอาหารจะช่วยให้บริการจัดการขยะเปลี่ยนขยะเป็นปุ๋ยหมักหรืออาหารสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปริมาณขยะอาหาร โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีอัตราการบริโภคสูง ผู้คนมักซื้ออาหารเกินความจำเป็นและทิ้งเศษอาหารโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ อาหารจำนวนมากถูกทิ้งเพียงเพราะรูปร่างไม่สวยงาม หรือใกล้วันหมดอายุ ทั้งที่ยังสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ระบบการจัดการหลังบ้านของห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และตลาดสดหลายแห่ง ยังขาดแนวทางในการคัดแยกและนำอาหารส่วนเกินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งประเทศไทยมีการนำขยะอาหารไปใช้ประโยชน์น้อยมาก
ในการดำเนินการของประเทศไทยควรเริ่มต้นจากการรณรงค์ให้มีการคัดแยกขยะ ซึ่งในปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้จัดทำโครงการการจัดเก็บขยะอาหารผ่านโครงการบ้านนี้ไม่เทรวม โดยเตรียมความพร้อมจัดเก็บขยะเศษอาหาร ใน 6 พื้นที่เขตนำร่อง ประกอบด้วย
ซึ่งจะทดลองจัดเก็บขยะเศษอาหารตามเส้นทางบ้านเรือนประชาชนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ สำหรับแนวทางการดำเนินงาน ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสมัครผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY และลงทะเบียนพิกัดบ้าน พร้อมระบุประเภทขยะที่คัดแยก มี 4 ประเภท ได้แก่ ขยะเศษอาหาร ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย จากนั้นสำนักงานเขตจะวางแผนและจัดเตรียมการจัดเก็บขยะเศษอาหารตามเส้นทางที่เหมาะสม ติดสติกเกอร์ที่บ้าน และแจกถุงสีเขียวสำหรับใส่ขยะเศษอาหาร โดยจะจัดเก็บขยะเศษอาหาร 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โครงการดังกล่าวรองรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราขยะใหม่ ที่จะบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2568 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนคัดแยกขยะก่อนทิ้ง ช่วยลดปริมาณขยะที่กรุงเทพมหานคร จะนำเข้าสู่ระบบกำจัด โดยดำเนินการจัดเก็บในวันที่ 21 เมษายน 2568 และสำนักสิ่งแวดล้อมของกรุงเทพมหานครจะร่วมกับสำนักงานเขตจัดเก็บข้อมูล ติดตาม และประเมินผล เพื่อนำมาวิเคราะห์ พร้อมถอดบทเรียน จัดทำเป็นแนวทางเพื่อขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำขยะเศษอาหารไปใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด เช่น นำไปเป็นอาหารสัตว์ ส่งให้เกษตรกร หรือนำไปทำปุ๋ยหมักด้วยถังหมักรักษ์โลก การดำเนินโครงการจะขยายผลการดำเนินงานไปให้ครบ 50 เขตต่อไป
ในส่วนของภาคธุรกิจในประเทศไทยเริ่มตระหนักถึงเรื่องขยะอาหาร โดยผู้ริเริ่มส่วนใหญ่เป็นสาขาของบริษัทต่างชาติ ที่บริษัทแม่มีนโยบายลดขยะอาหาร รวมถึงผู้ประกอบการไทย ที่เข้าร่วมโครงการของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ต่างมีแนวคิดขับเคลื่อนการลดปริมาณขยะอาหาร และนำอาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีไปบริจาค ผ่านหน่วยงานเพื่อการกุศลอย่าง SOS (Scholars of Sustenance) โดยมี LightBlue Environmental Consulting ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาในเรื่องของดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นที่ปรึกษาโครงการ
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเพื่อลดขยะอาหารโดยตรง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับปัญหาขยะอาหารโดยเพิ่มแรงจูงใจในการลดปริมาณขยะอาหาร เช่น การใช้มาตรการทางภาษีเพื่อการวางระบบจัดการขยะอาหารให้กับภาคธุรกิจ หรือคืนภาษีให้แก่ผู้บริจาคอาหาร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนส่งต่ออาหาร และเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะให้สะท้อนต้นทุน (Polluters pay) รวมถึงภาครัฐต้องสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
Copyright © 2022 National Assembly Library of Thailand
The Secretariat of the House of Representatives
1111 Samsen Road, Thanon Nakhon Chai Si, Dusit, Bangkok 10300, THAILAND
Tel: +66(0) 2242 5900 ex 5714, 5715, 5721-22 Fax: +66(0) 2242 5990
Email: library@parliament.go.th