Ignite Tourism Thailand

Script Writer
เปรม ถาวรประภาสวัสดิ์, วิทยากรชำนาญการ กลุ่มงานบริการวิชาการ 3 สำนักวิชาการ
Broadcast Date
2024-07
Publication type
Publisher
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักวิชาการ
สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา

 

นโยบาย Ignite Tourism Thailand เป็น 1 ใน 8 นโยบายที่สำคัญของ Ignite Thailand ซึ่งรัฐบาลจะผลักดันประเทศไทยสู่ตลาดโลกและก้าวเป็นผู้นำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้คุณภาพของชีวิตคนไทยดีขึ้นในทุกด้าน ด้วยข้อได้เปรียบของประเทศไทยในด้านทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว ภูมิอากาศ โครงสร้าง และศักยภาพของคนไทย

รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) เนื่องจากประเทศไทยมีขนาดพื้นที่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับคนไทยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนประชากร คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.3 ล้านล้านบาท ด้วยการค้นหาและพัฒนา Soft Power จุดเด่นของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั้งในด้านเทศกาล ดนตรี ภาพยนตร์ ศิลปะ อาหาร กีฬา ผลักดันบางจังหวัดให้เป็นมรดกโลก เช่น จังหวัดน่าน อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากประเทศต่าง ๆ โดยยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว เช่น ประเทศจีน ประเทศอินเดีย ส่งเสริมยกระดับเมืองท่องเที่ยวหลักและส่งเสริมให้เมืองท่องเที่ยวรองพัฒนาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว รวมถึงการแก้ไขภาษีสำหรับการจัดงานหรือการแข่งขันต่าง ๆ ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Homestay ของคนทั่วโลก โดยแต่ละหน่วยงานของทุกพื้นที่จะต้องนำธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตมาสร้างเป็นจุดขาย นอกจากนี้ รัฐบาลจะแก้ไขกฎระเบียบเพื่อเอื้อให้ผู้จัดงานระดับโลกสามารถเข้ามาจัดแสดงงานในประเทศไทยทั้งงานด้านดนตรี ภาพยนตร์ และศิลปะ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ดำเนินการตามนโยบาย Ignite Tourism Thailand ของรัฐบาลโดยมีแผนกลยุทธ์ ดังนี้

กลยุทธ์ที่ 1 การยกระดับประสบการณ์ โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในทุกมิติ และสร้างความประทับใจด้วยการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยก่อนการเดินทาง ให้ข้อมูลครบถ้วนหลากหลาย ทำการส่งเสริมการตลาดกับเครือข่ายให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้ในทุกมิติ สร้างความประทับใจด้วยมัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยวที่มีมาตรฐาน สร้างความน่าสนใจของเส้นทางการท่องเที่ยวภายในประเทศ

กลยุทธ์ที่ 2 การชูเอกลักษณ์ไทยหรือเสน่ห์ไทย ด้วยการนำเสนอเรื่องราวและเพิ่มมูลค่าด้วยการนำจุดแข็งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมาเป็นจุดขาย ได้แก่ 

  1. 1) Must Beat มวยไทย เปิดประสบการณ์มวยไทย 4 ภาค และต่อยอดมวยไทยสู่การออกกำลังกายแบบ Cardio 2) Must Eat อาหารไทย ต่อยอดครัวไทยสู่ครัวโลก พร้อมนำเสนอ 77 อาหารถิ่น 77 ขนมไทย 
  2. 3) Must Seek วัฒนธรรมไทย สร้างเรื่องราวบนเส้นทางศรัทธาเพื่อดึงดูดความสนใจ 
  3. 4) Must Buy ผ้าไทย ร่วม Co-branding กับนักออกแบบระดับโลกให้ผ้าไทยเป็นที่หลงใหลของทุกคน และ 
  4. 5) Must See โชว์ไทย นำเสนอทั้งรูปแบบไทยและไทยร่วมสมัยให้เป็นที่ประทับใจของคนทั่วโลก

กลยุทธ์ที่ 3 เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากเมืองท่องเที่ยวหลักสู่เมืองใกล้เคียง กระจายนักท่องเที่ยวไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ พร้อมกระจายรายได้สู่เมืองน่าเที่ยว เช่น เส้นทาง Lanna Culture เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง เส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ อารยธรรมล้านนา นำเสนอศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และประเพณีที่ถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรม โบราณสถาน เส้นทาง UNESCO Heritage Trail มรดกไทย มรดกโลก สุโขทัย-กำแพงเพชร เส้นทาง Paradise Islands ตรัง-สตูล หมู่เกาะแห่งอันดามันใต้ สวรรค์แห่งท้องทะเล โดยจัดเตรียมความพร้อมพัฒนาที่พักให้มีความสะดวกสบายและร้านอาหารที่ได้มาตรฐาน 

กลยุทธ์ที่ 4 Hub of ASEAN โดยเปิดประตูการท่องเที่ยวสู่อาเซียนให้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางกับประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ให้อาเซียนเป็น Single Destination ด้วย ASEAN Pass จากความร่วมมือของพันธมิตรสายการบินในการออกแพ็คเกจตั๋วเครื่องบินให้นักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมต่อไปประเทศอาเซียน

กลยุทธ์ที่ 5 World Class Event Hub โดยให้เมืองไทยเป็นศูนย์รวม World Class Experience จากการนำ Event ระดับโลกเข้ามาจัดแสดงในประเทศทั้งด้านดนตรี กีฬา อาหาร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายการดำเนินการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดจัดทำแผนบูรณาการการท่องเที่ยวของเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองน่าเที่ยวทั้ง 55 จังหวัด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมกับมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองน่าเที่ยวทั้ง 55 จังหวัด และให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำนโยบายไปดำเนินการต่อไป

หากส่วนราชการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามเป้าหมายที่รัฐบาลได้กำหนดไว้แล้วนั้น จะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) เป็นผู้นำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ประเทศมีรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมาก ดังนั้น ส่วนราชการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดทำแผนและนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยยกระดับให้การท่องเที่ยวไทยพัฒนายิ่งขึ้นและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคตามนโยบาย Ignite Tourism Thailand

ภาพปก