การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรของประเทศไทยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้กลายเป็นสังคมผู้สูงวัยเร็วกว่าที่คาดหมายไว้ สาเหตุเนื่องจากอัตราการเกิดหรือภาวะเจริญพันธ์ลดลง ประกอบกับประชากรสูงวัยมีอายุเฉลี่ยที่ยืนยาวขึ้นจากการพัฒนาระบบสาธารณสุขพื้นฐาน โภชนาการ การศึกษา เศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้ประชากรผู้สูงวัยเพิ่มจำนวนขึ้นขณะที่อัตราการเกิดลดลง การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากจำนวนประชากรผู้สูงวัยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ขณะที่ประชากรวัยแรงงานลดลงส่งผลต่อผลิตภาพการจ้างงานภายในประเทศ ข้อมูลในปี 2565 ประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 11.8 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 66 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 17.9 และประเทศไทยได้ประกาศให้สังคมสูงวัยเป็นวาระแห่งชาติมาในปี 2561 โดยมีแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุครอบคลุมทั้งประชากรกลุ่มที่กำลังจะก้าวสู่ผู้สูงวัยในอนาคต ซึ่งมีจุดเน้น คือ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพด้วยการให้ความสำคัญกับการออม การปรับสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับผู้สูงวัย รวมถึงการปรับเปลี่ยนทัศนคติไม่ให้มองผู้สูงวัยเป็นภาระ สำหรับประชากรผู้สูงวัยซึ่งมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ได้มีการจัดทำแผนการดูแลผู้สูงวัยในระยะยาวครอบคลุมผู้สูงวัยที่มีภาวะพึ่งพิงให้มากขึ้น โดยเน้นการเสริมทักษะให้แก่แรงงานผู้สูงวัย ออกแบบการทำงานให้ยืดหยุ่นและสร้างแรงจูงใจให้นายจ้างจ้างงานผู้สูงวัย จัดทำแผนบูรณาการด้านสุขภาพในระยะยาวทั้งที่บ้านและในชุมชนตามระดับความจำเป็นของกลุ่มผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับผู้สูงวัยและขับเคลื่อนมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดระบบสวัสดิการที่เหมาะสมและครอบคลุมกับประชากรผู้สูงวัยที่นับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ดังนั้น ระบบบำนาญจึงเป็นระบบสวัสดิการที่สำคัญสำหรับประชากรผู้กำลังก้าวสู่ผู้สูงวัยและผู้สูงวัยของไทย โดยระบบบำนาญเกิดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตของผู้สูงวัย ให้มีรายได้สำหรับใช้จ่ายในยามเกษียณ โดยระบบบำนาญที่ดีจะต้องให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอต่อการครองชีพ อยู่ในความสามารถที่บุคคลและสังคมจะจ่ายได้และระบบบำนาญมีความยั่งยืนและแข็งแกร่ง คือ ระบบบำนาญมีผลครอบคลุมกลุ่มประชากรผู้สูงวัยทุกกลุ่มของสังคม สำหรับประเทศไทยมีระบบบำนาญอยู่ 2 ประเภท คือ
ในปัจจุบันระบบบำนาญในรูปแบบของกองทุนที่มีความสำคัญต่อประชากรที่กำลังเข้าสู่ผู้สูงวัยและผู้สูงวัยของประเทศไทย คือ
อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศไทยจะมีระบบบำนาญด้วยการมีกองทุนที่หลากหลาย เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับรูปแบบของการใช้ชีวิตและการทำงานทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และส่วนบุคคล โดยกองทุนเหล่านี้จะเป็นแนวทางสำคัญสำหรับการออม การประกันตน และการลงทุน เพื่อการดำรงชีพของประชากรก่อนเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่องบประมาณและการคลังของประเทศ ดังนั้น ประชากรทุกช่วงวัยจะต้องตระหนักรู้และแสวงหาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับระบบบำนาญ โดยเฉพาะประชากรที่อยู่นอกระบบแรงงานควรจะมีแหล่งออมเงินเพื่อเก็บสะสมไว้เป็นทุนสำรองเลี้ยงชีพในยามเข้าสู่ผู้สูงวัย เช่น การเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ หรือเลือกสรรกองทุนเพื่อการออม การประกันตนหรือการลงทุนกับบริษัทจัดการกองทุน เพื่อให้มีเงินทุนสำรองสำหรับดำรงชีพในยามเป็นผู้สูงวัย
Copyright © 2022 National Assembly Library of Thailand
The Secretariat of the House of Representatives
1111 Samsen Road, Thanon Nakhon Chai Si, Dusit, Bangkok 10300, THAILAND
Tel: +66(0) 2242 5900 ex 5714, 5715, 5721-22 Fax: +66(0) 2242 5990
Email: library@parliament.go.th