การควบคุมโรคแอนแทรกซ์ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558

ผู้เรียบเรียง :
วันวิภา สุขสวัสดิ์, นิติกรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานบริการวิชาการ 2 สำนักวิชาการ
วันที่ออกอากาศ :
2568-07
ประเภทสิ่งพิมพ์ :
หน่วยงานที่เผยแพร่ :
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักวิชาการ
สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา

 

“โรคแอนแทรกซ์” (Anthrax) เป็นหนึ่งในโรคที่อยู่ภายใต้บทนิยามของคำว่า “โรคระบาด” ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า “บาซิลัส แอนทราซิส” (Bacillus anthracis) ที่สามารถสร้างสปอร์ได้เมื่อเชื้อสัมผัสกับอากาศ และสปอร์คงทนอยู่ในดินได้นานหลายปี เกิดได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและพบมากในสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยเฉพาะสัตว์กินพืช เช่น โค กระบือ แพะ แกะ โรคแอนแทรกซ์เป็นโรคที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ ผ่านการสัมผัสสัตว์หรือซากสัตว์ที่ติดเชื้อจากการชำแหละสัตว์ที่ป่วยตาย และสปอร์ของเชื้อเข้าสู่บาดแผลหรือรอยถลอกที่ผิวหนัง นอกจากนั้น ยังสามารถติดต่อโดยการรับประทานเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ไม่ผ่านการปรุงสุก หรือผ่านการหายใจนำสปอร์ของเชื้อเข้าสู่ปอด โดยเชื้อจะปนเปื้อนอยู่ในบริเวณที่มีสัตว์ป่วยตายหรือติดมากับขนสัตว์ที่มีโรค 

จากสถิติการเกิดโรคแอนแทรกซ์ในไทย ตั้งแต่ปี 2534-2543 มีผู้ป่วยสะสม 102 ราย เสียชีวิต 19 ราย ปีที่พบการระบาดมากที่สุดเกิดขึ้นในปี 2538 จนมาถึงปี 2560 พบผู้ป่วย 2 ราย ติดเชื้อจากการชำแหละซากแพะนำเข้าจากเมียนมา สถานการณ์โรคแอนแทรกซ์ของไทย ข้อมูลจากระบบการเฝ้าระวังโรคแอนแทรกซ์ กรมควบคุมโรค ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568-27 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยยืนยันจำนวน 5 ราย เสียชีวิต 1 ราย ในพื้นที่ตำบลดอนตาล อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเมื่อพบผู้ป่วยยืนยันโรคแอนแทรกซ์เกิดขึ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ จึงมีบทบาทสำคัญในการดำเนินมาตรการควบคุม

โรคแอนแทรกซ์ในสัตว์ ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เพื่อสืบค้นและควบคุมโรค โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายสัตว์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปยังพื้นที่อื่น นอกจากนั้น ภายหลังจากพบผู้ป่วยยืนยันโรคแอนแทรกซ์ที่จังหวัดมุกดาหาร นายอำเภอดอนตาลได้ออกประกาศอำเภอดอนตาล เรื่อง มาตรการควบคุมโรค (ฉบับที่ 1) กำหนดมาตรการควบคุมโรค ได้แก่ การห้ามฆ่าสัตว์โดยเฉพาะโค กระบือ ในช่วงงานบุญประเพณีบุญเดือนหก (บุญบั้งไฟ) ทุกกรณี ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านสํารวจประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ให้ปศุสัตว์อำเภอเฝ้าระวังการติดเชื้อของโค กระบือ และแพะ ให้กํานันผู้ใหญ่บ้านประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ทราบลักษณะของโรค หากพบโค กระบือ และแพะ ที่มีอาการไข้สูง ไม่กินหญ้าแต่ยืนเคี้ยวเอื้อง มีน้ำลายปนเลือดไหลออกมา หายใจลำบาก กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ให้กักขังสัตว์ดังกล่าว และแจ้งปศุสัตว์เข้าตรวจสอบทันที ให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดการลักลอบเคลื่อนย้ายโค กระบือ และแพะ ออกจากพื้นที่ที่มีการระบาด ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป จากนั้นปศุสัตว์อำเภอจะประเมินและฉีดวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์ให้แก่สัตว์ในพื้นที่เสี่ยง จึงห้ามไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ฆ่าหรือชำแหละโค กระบือ และแพะ เป็นเวลา 21 วัน นับตั้งแต่มีการฉีดวัคซีน รวมตลอดถึงมีการให้คำแนะนำประชาชนด้านสาธารณสุข ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสโค กระบือ แพะ แกะ ชำระล้างร่างกายหลังสัมผัสสัตว์ ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ดิบ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อผ่านการบริโภคเนื้อสัตว์ที่อาจติดเชื้อและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 

ในส่วนของบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรต่อกรณีของสถานการณ์โรคแอนแทรกซ์ในครั้งนี้ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 โดยที่ประชุมได้พิจารณาศึกษามาตรการในการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาดของโรคแอนแทรกซ์ ภายหลังการประชุม นายทศพร เสรีรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข ได้แถลงผลการประชุมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า โรคแอนแทรกซ์เป็นเชื้อที่อยู่ในดิน เมื่อประชาชนชำแหละเนื้อสัตว์บนดินและนำไปแจกจ่ายกัน จึงเกิดการระบาดและแพร่เชื้อของโรค กระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุขจังหวัด กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสอบสวนและพยายามควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร มีข้อเสนอแนะสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โรค และคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ข้างเคียงกับพื้นที่ที่มีการระบาด หากพบผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับนิยามโรคแอนแทรกซ์ ให้ดำเนินการสอบสวนโรค และรายงานทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทันที การประชาสัมพันธ์ให้มีการแจ้งเตือน สื่อสารความเสี่ยงให้ประชาชนทราบถึงปัจจัยเสี่ยง เน้นย้ำให้มีการดำเนินงานภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว โดยมีการประสานงานระหว่างสาธารณสุขกับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อติดตามสถานการณ์โรคแอนแทรกซ์ในคนและสัตว์บริเวณพื้นที่ที่พบอย่างใกล้ชิด 

คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ยังมีข้อเสนอแนะเพื่อให้ประชาชนระมัดระวังการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ โดยการห้ามนำสัตว์ป่วยตายหรือสัตว์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มามาชำแหละ ขาย หรือรับประทาน สวมอุปกรณ์ป้องกันก่อนสัมผัสสัตว์ และชำระล้างร่างกายทุกครั้งหลังจากสัมผัสสัตว์ รับประทานอาหารที่ผ่านการปรุงสุกเท่านั้น ไม่รับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เฝ้าระวังสัตว์ป่วยตายบริเวณพื้นที่ เมื่อพบสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคให้แยกสัตว์ป่วยออกจากฝูงหรือเมื่อพบสัตว์ป่วยตายให้รีบแจ้งปศุสัตว์อำเภอ เพื่อทำการตรวจสอบหาสาเหตุและดำเนินการควบคุมโรค โดยห้ามเคลื่อนย้าย ผ่าซาก ชำแหละเนื้อหรือหนังสัตว์ที่ตาย อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์ แต่ควรระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

ภาพปก