การแบ่งกลุ่มประชากรถือเป็นองค์ความรู้ที่สำคัญซึ่งทำให้เข้าใจสภาพทั่วไปของสังคมในด้านพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม และความต้องการของประชากรในแต่ละช่วงชีวิต การแบ่งกลุ่มประชากรหรือความเข้าใจของสังคมส่วนใหญ่ คือ เจเนอเรชั่น (Generation) การแบ่งเจเนอเรชั่นเริ่มพัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 20 โดยนักสังคมศาสตร์ชาวฮังการีชื่อ คาร์ล แมนน์ไฮม์ (Karl Mannhim) ได้ให้ความหมาย เจเนอเรชั่น หมายถึง การแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่ม โดยพิจารณาช่วงปีเกิดและเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิต ประชากรที่อยู่ในเจเนอเรชั่นเดียวกันจะมีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันจากความเชื่อและค่านิยม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชากรในแต่ละเจเนอเรชั่นจะมีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างกัน สำหรับการแบ่งเจเนอเรชั่นจะเป็นการแบ่งกลุ่มประชากรตามช่วงปีเกิด ซึ่งแต่ละช่วงปีเกิดจะมีระยะเวลาประมาณ 10-20 ปี สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของแต่ละยุคสมัย เช่น การเกิดสงคราม การปฏิวัติเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม หรือการเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นเครื่องมือหล่อหลอมทัศนคติและวิถีชีวิตของประชากรในแต่ละเจเนอเรชั่น
การแบ่งเจเนอเรชั่นไม่มีหลักการที่เป็นมาตรฐานสากลอย่างชัดเจน เป็นการอ้างอิงรูปแบบการแบ่งจากชาติตะวันตก ซึ่งแบ่งเจเนอเรชั่นตามช่วงชีวิตที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงของปีเหล่านั้น สำหรับประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่งเจเนอเรชั่นไว้ดังนี้
สำหรับปี 2568 เป็นปีเริ่มต้นของประชากรกลุ่มใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า กลุ่มเจเนอเรชั่นเบต้า (Generation Beta) คือ ประชากรที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป จนถึง พ.ศ. 2585 นักสังคมวิทยาและนักอนาคตวิทยาคาดการณ์ว่า เจเนอเรชั่นเบต้า จะเป็นตัวแทนของยุคที่เทคโนโลยีผสมผสานเข้ากับชีวิตประจำวันในระดับที่ลึกซึ้งกลมกลืนกว่ายุคก่อนหน้าทั้งหมด เจเนอเรชั่นเบต้าจะเติบโตในยุคที่โลกดิจิทัลและโลกกายภาพผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์และอยู่ในยุคที่นวัตกรรมจากเทคโนโลยีอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกหลอมรวมเข้ากับการดำเนินชีวิตประจำวันในทุกด้านของชีวิต เช่น การศึกษา อาชีพ การดูแลสุขภาพและความบันเทิง เป็นต้น นอกจากนี้ เจเนอเรชั่นเบต้าจะเติบโตและเผชิญกับความท้าทาย จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับที่รุนแรง สงคราม ความเป็นส่วนตัว เหตุการณ์ใหญ่ของสังคมและความจริง แนวความคิดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลจะเลือนหายไป สภาวะการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชจากภาวะโลกร้อน และการจำแนกแยกแยะระหว่างความจริงกับสิ่งที่สมมติจะทำได้ยากมากขึ้น เจเนอเรชั่นเบต้าจะมีลักษณะเด่น คือ ความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลและความเป็นตัวตนของตนเอง และการสร้างปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องทางดิจิทัลในด้านการสร้างมิตรภาพ การเรียนรู้ และการทำงานจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ผ่านช่องทางดิจิทัลจะมีความรอบคอบ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความระมัดระวังให้เกิดความปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์ นอกจากนี้ เจเนอเรชั่นเบต้าจะมีทัศนคติที่ยอมรับความแตกต่างทางเชื้อชาติ ความเชื่อ และแนวคิดใหม่ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและมีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทั้งนี้ นักวิจัยทางสังคมวิทยาและนักอนาคตวิทยาคาดว่า ใน พ.ศ. 2578 เจเนอเรชั่นเบต้าจะมีสัดส่วนร้อยละ 16 ของประชากรโลกและจะมีชีวิตยืนยาวไปจนถึงศตวรรษที่ 22 ดังนั้น ประชากรเจเนอเรชั่นเบต้าจึงเป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ด้วยนวัตกรรมของเทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์ และมีความพร้อมที่จะพิทักษ์รักษาสภาพสิ่งแวดล้อมของโลกอนาคตให้สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุข
สงวนลิขสิทธิ์ © 2565 หอสมุดรัฐสภา
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
เลขที่ 1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
โทรศัพท์ : +66(0) 2242 5900 ต่อ 5714, 5715, 5721-22 โทรสาร : +66(0) 2242 5990
อีเมล : library@parliament.go.th