การแบ่งกลุ่มประชากรใหม่ (Generation Beta)

ผู้เรียบเรียง :
จันมทร สีหาบุญลี, วิทยากรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานวิจัยและพัฒนา สำนักวิชาการ
วันที่ออกอากาศ :
2568-06
ประเภทสิ่งพิมพ์ :
หน่วยงานที่เผยแพร่ :
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักวิชาการ
สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา

 

การแบ่งกลุ่มประชากรถือเป็นองค์ความรู้ที่สำคัญซึ่งทำให้เข้าใจสภาพทั่วไปของสังคมในด้านพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม และความต้องการของประชากรในแต่ละช่วงชีวิต การแบ่งกลุ่มประชากรหรือความเข้าใจของสังคมส่วนใหญ่ คือ เจเนอเรชั่น (Generation) การแบ่งเจเนอเรชั่นเริ่มพัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 20 โดยนักสังคมศาสตร์ชาวฮังการีชื่อ คาร์ล แมนน์ไฮม์ (Karl Mannhim) ได้ให้ความหมาย เจเนอเรชั่น หมายถึง การแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่ม โดยพิจารณาช่วงปีเกิดและเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิต ประชากรที่อยู่ในเจเนอเรชั่นเดียวกันจะมีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันจากความเชื่อและค่านิยม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชากรในแต่ละเจเนอเรชั่นจะมีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างกัน สำหรับการแบ่งเจเนอเรชั่นจะเป็นการแบ่งกลุ่มประชากรตามช่วงปีเกิด ซึ่งแต่ละช่วงปีเกิดจะมีระยะเวลาประมาณ 10-20 ปี สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของแต่ละยุคสมัย เช่น การเกิดสงคราม การปฏิวัติเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม หรือการเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นเครื่องมือหล่อหลอมทัศนคติและวิถีชีวิตของประชากรในแต่ละเจเนอเรชั่น

การแบ่งเจเนอเรชั่นไม่มีหลักการที่เป็นมาตรฐานสากลอย่างชัดเจน เป็นการอ้างอิงรูปแบบการแบ่งจากชาติตะวันตก ซึ่งแบ่งเจเนอเรชั่นตามช่วงชีวิตที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงของปีเหล่านั้น สำหรับประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่งเจเนอเรชั่นไว้ดังนี้

  1. กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) คือ ประชากรที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2489-2507 อายุระหว่าง 61-79 ปี มีลักษณะเด่น คือ เป็นคนจริงจัง ประหยัด ทุ่มเทกับการทำงาน ยึดติดกับธรรมเนียมและประเพณี
  2. กลุ่มเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ (Generation X) คือ ประชากรที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2508-2523 อายุระหว่าง 45-60 ปี มีลักษณะเด่น คือ คนที่เติบโตพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยี มีความคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์ สามารถปรับตัวเข้ากับสมาร์ตโฟนได้ดี
  3. กลุ่มเจเนอเรชั่นวาย (Generation Y) คือ ประชากรที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2524-2539 อายุระหว่าง 29-44 ปี มีลักษณะเด่น คือ คนที่เกิดมาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี สามารถทำความเข้าใจและปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
  4. กลุ่มเจเนอเรชั่นซี (Generation Z) คือ ประชากรที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2540-2552 อายุระหว่าง 16-28 ปี มีลักษณะเด่น คือ คนที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เป็นยุคเทคโนโลยีเจริญรุ่งเรือง มีความสะดวกสบายจากรูปแบบดิจิทัล มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญการใช้เทคโนโลยีและมีชีวิตในสังคมดิจิทัล
  5. กลุ่มเจเนอเรชั่นอัลฟา (Generation Alpha) คือ ประชากรที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2553-2567 อายุระหว่าง 1-15 ปี มีลักษณะเด่น คือ คนที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกลุ่มคนที่มีความเฉลียวฉลาดมากที่สุด และเข้าถึงโลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ด้วยวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน 

สำหรับปี 2568 เป็นปีเริ่มต้นของประชากรกลุ่มใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า กลุ่มเจเนอเรชั่นเบต้า (Generation Beta) คือ ประชากรที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป จนถึง พ.ศ. 2585 นักสังคมวิทยาและนักอนาคตวิทยาคาดการณ์ว่า เจเนอเรชั่นเบต้า จะเป็นตัวแทนของยุคที่เทคโนโลยีผสมผสานเข้ากับชีวิตประจำวันในระดับที่ลึกซึ้งกลมกลืนกว่ายุคก่อนหน้าทั้งหมด เจเนอเรชั่นเบต้าจะเติบโตในยุคที่โลกดิจิทัลและโลกกายภาพผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์และอยู่ในยุคที่นวัตกรรมจากเทคโนโลยีอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกหลอมรวมเข้ากับการดำเนินชีวิตประจำวันในทุกด้านของชีวิต เช่น การศึกษา อาชีพ การดูแลสุขภาพและความบันเทิง เป็นต้น นอกจากนี้ เจเนอเรชั่นเบต้าจะเติบโตและเผชิญกับความท้าทาย จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับที่รุนแรง สงคราม ความเป็นส่วนตัว เหตุการณ์ใหญ่ของสังคมและความจริง แนวความคิดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลจะเลือนหายไป สภาวะการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชจากภาวะโลกร้อน และการจำแนกแยกแยะระหว่างความจริงกับสิ่งที่สมมติจะทำได้ยากมากขึ้น เจเนอเรชั่นเบต้าจะมีลักษณะเด่น คือ ความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลและความเป็นตัวตนของตนเอง และการสร้างปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องทางดิจิทัลในด้านการสร้างมิตรภาพ การเรียนรู้ และการทำงานจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ผ่านช่องทางดิจิทัลจะมีความรอบคอบ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความระมัดระวังให้เกิดความปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์ นอกจากนี้ เจเนอเรชั่นเบต้าจะมีทัศนคติที่ยอมรับความแตกต่างทางเชื้อชาติ ความเชื่อ และแนวคิดใหม่ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและมีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทั้งนี้ นักวิจัยทางสังคมวิทยาและนักอนาคตวิทยาคาดว่า ใน พ.ศ. 2578 เจเนอเรชั่นเบต้าจะมีสัดส่วนร้อยละ 16 ของประชากรโลกและจะมีชีวิตยืนยาวไปจนถึงศตวรรษที่ 22 ดังนั้น ประชากรเจเนอเรชั่นเบต้าจึงเป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ด้วยนวัตกรรมของเทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์ และมีความพร้อมที่จะพิทักษ์รักษาสภาพสิ่งแวดล้อมของโลกอนาคตให้สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุข

ภาพปก