ที่มาและความจำเป็น จากที่หลายประเทศมีการดำเนินกิจกรรมอวกาศ จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายอวกาศ (Space Law) เพื่อกำกับเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรในอวกาศ โดยมีหลักการว่า ทุกประเทศมีเสรีภาพในการสำรวจและใช้อวกาศส่วนนอก รวมทั้งดวงจันทร์และเทหะวัตถุบนท้องฟ้าอื่น ๆ อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน เพื่อประโยชน์ในทางสันติ เป็นผลประโยชน์ของประเทศทั้งมวล ไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของชาติโดยการอ้างถึงอธิปไตย หรือโดยการใช้ การยึดครอง หรือวิธีการอื่นใด โดยมีข้อตกลงที่เป็นสนธิสัญญาพหุภาคีด้านอวกาศ ภายใต้กรอบสหประชาชาติ 5 ฉบับ มีสำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Office for Outer Space Affairs – UNOOSA เป็นผู้ดูแลการดำเนินกิจการอวกาศของประชาคมโลก ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีสนธิสัญญาเพียงฉบับที่ 1 สนธิสัญญาว่าด้วยหลักเกณฑ์การดำเนินกิจการของรัฐในการสำรวจและการใช้อวกาศภายนอก รวมทั้งดวงจันทร์และเทหะวัตถุในท้องฟ้าอื่น ๆ ค.ศ. 1967 และฉบับที่ 2 ความตกลงว่าด้วยการช่วยชีวิตนักอวกาศ การส่งคืนนักอวกาศและการคืนวัตถุที่ส่งออกไปในอวกาศภายนอก ค.ศ. 1968
ผลกระทบจากการดำเนินกิจกรรมอวกาศ...ไทยจะเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่ นับแต่มีการดำเนินกิจการอวกาศมีมากขึ้น ปรากฏผลกระทบให้เกิดขยะอวกาศขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตร ล่องลอยอยู่ในวงโคจรโลกมากกว่า 30,000 ชิ้น คาดว่ามีขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตร มากถึง 128 ล้านชิ้น มีโอกาสสูงที่จะตกสูงลงบนพื้นโลก ยิ่งจะทำให้คนไทยมีความเสี่ยงภัยมากขึ้น อย่างกรณีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 พบถังเชื้อเพลิงของจรวดตกกลางทะเลภูเก็ตบริเวณเกาะแอล แล้วถ้าหากชิ้นส่วนวัตถุอวกาศเหล่านั้นตก ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ไทยจะไม่สามารถเรียกค่าเสียหายจากประเทศเจ้าของวัตถุอวกาศนั้นได้เลย
แนวทางการส่งเสริมศักยภาพด้านอวกาศไทย จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เห็นว่าประเทศไทยควรเร่งดำเนินการเข้าร่วมเป็นภาคีในสนธิสัญญา ฉบับที่ 3 ว่าด้วยความรับผิดระหว่างประเทศสำหรับความเสียหายที่เกิดจากวัตถุอวกาศ ค.ศ. 1972 และจำเป็นต้องมีกฎหมายอวกาศโดยได้จัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
ที่มา :
สงวนลิขสิทธิ์ © 2565 หอสมุดรัฐสภา
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
เลขที่ 1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
โทรศัพท์ : +66(0) 2242 5900 ต่อ 5711, 5714, 5721-22 โทรสาร : +66(0) 2242 5990
อีเมล : [email protected]