มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาติของประเทศไทย

ผู้เรียบเรียง :
เปรม ถาวรประภาสวัสดิ์, วิทยากรปฏิบัติการ กลุ่มงานบริการวิชาการ 3 สำนักวิชาการ
วันที่ออกอากาศ :
2567-03
ประเภทสิ่งพิมพ์ :
หน่วยงานที่เผยแพร่ :
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. สำนักวิชาการ
สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา

 

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม หมายถึง ความรู้ การแสดงออก การประพฤติปฏิบัติ หรือทักษะทางวัฒนธรรมที่แสดงออกผ่านบุคคล เครื่องมือ หรือวัตถุ ซึ่งบุคคล กลุ่มบุคคล หรือชุมชนยอมรับและรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน และมีการสืบทอดกันมาจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของตน

ในปัจจุบันมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสังคม มีการนำมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไปใช้ในทางที่บิดเบือนหรือไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุให้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเหล่านั้นต้องเสื่อมสูญ ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐจึงได้ทำการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้มีความสืบเนื่องและยั่งยืนสืบไป โดยมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559 ซึ่งพระราชบัญญัตินี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาและให้ความเห็นชอบการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รวมถึงคุ้มครองป้องกันไม่ให้มีการกระทำอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ขึ้นบัญชีไว้

การประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาตินั้น กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้กำหนดลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเพื่อการขึ้นบัญชีไว้รวม 6 สาขา ดังนี้

  1. 1) สาขาวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
  2. 2) สาขาศิลปะการแสดง
  3. 3) สาขาแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
  4. 4) สาขาความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล
  5. 5) สาขางานช่างฝีมือดั้งเดิม และ
  6. 6) สาขาการเล่นพื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว
    โดยนับตั้งแต่มีการประกาศขึ้นบัญชีจนถึงปัจจุบัน มีการประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติไปแล้วจำนวน 368 รายการ เช่น โขน หนังใหญ่ โนรา ลิเก มวยไทย สงกรานต์ ลอยกระทง น้ำปลาไทย ต้มยำกุ้ง ผัดไทย การนวดไทย ว่าวไทย เป็นต้น

ส่วนการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาติ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้แบ่งไว้เป็น 3 รายการ ดังนี้

  1. 1) รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ
  2. 2) รายการที่ต้องได้รับการสงวนรักษาอย่างเร่งด่วน และ
  3. 3) รายการมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการสงวนรักษา

ในปัจจุบันองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติได้ประกาศขึ้นทะเบียนรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติในประเทศไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาติ ดังนี้

1. โขน (Khon, Masked Dance Drama in Thailand)
โขนเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูง มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ใช้แสดงในงานมหรสพหลวงและพิธีต่าง ๆ สำหรับสร้างความบันเทิงและเป็นสื่อเรียนรู้ทางวัฒนธรรมสอดแทรกคติธรรมสู่ผู้ชมการแสดง ปัจจุบันมีคณะโขนเกิดขึ้นหลายคณะ มีการถ่ายทอดพัฒนาการรุ่นสู่รุ่นจนเป็นเอกลักษณ์ โขนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาติใน พ.ศ. 2561

2. การนวดไทย (Nuad Thai, Traditional Thai Massage)
นวดไทยเป็นศาสตร์และศิลป์สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพและบำบัดความเจ็บป่วยคนไทยมานานกว่า 600 ปี มีการถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น มีการนำนวดไทยไปใช้ประโยชน์กว้างขวางในระบบบริการสุขภาพและการรักษาทางเลือก การนวดไทยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาติใน พ.ศ. 2562

3. โนรา (Nora, Dance Drama in Southern Thailand)
โนราเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านเป็นที่นิยมของคนภาคใต้ ผูกพันกับวิถีชีวิตคนภาคใต้มายาวนาน มีแบบแผนการร่ายรำและขับร้องที่งดงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น มีการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ โนราได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาติใน พ.ศ. 2564

4. สงกรานต์ (Songkran in Thailand, Traditional Thai New Year Festival)
สงกรานต์เป็นประเพณีวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ เป็นประเพณีที่งดงามอ่อนโยนเต็มไปด้วยบรรยากาศความกตัญญู ความสนุกสนาน ความอบอุ่น และการเคารพ สะท้อนถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน ใช้น้ำเป็นสื่อในการเชื่อมสัมพันธไมตรี มีแนวปฏิบัติที่สืบทอดกันมา แตกต่างกันตามความเชื่อและแนวปฏิบัติของคนไทยแต่ละภูมิภาค สงกรานต์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาติใน พ.ศ. 2566

การที่ประเทศไทยมีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติที่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาตินั้น ย่อมส่งผลให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้นในระดับนานาชาติ คนไทยมีความภาคภูมิใจ รัฐบาลควรคุ้มครองรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเหล่านั้นให้ยั่งยืนสืบไป และควรประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวและร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับมนุษยชาติของประเทศไทย เป็นการช่วยสร้างรายได้และเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของประเทศอีกด้วย

ภาพปก