ผู้ต้องหา หมายถึง บุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดแต่ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล ทั้งนี้ การที่บุคคลจะตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องหาได้ จะต้องมีการกล่าวหาบุคคลนั้นว่าได้กระทำความผิดอาญาต่อเจ้าพนักงาน หรือเจ้าพนักงานเป็นผู้กล่าวหา
ในกรณีที่มีการจับกุมหรือควบคุมตัวบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดไว้ในอำนาจรัฐโดยเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว บุคคลดังกล่าวย่อมต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาและถูกควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ดี เนื่องจากการดำเนินคดีอาญานั้น มีความจำเป็นต้องล่วงละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในบางเรื่องเพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐาน อันจะนำไปสู่การพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหา ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหลายฉบับจึงมีบทบัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลดังกล่าวไว้ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ได้มีบทบัญญัติรับรองสิทธิของผู้ถูกจับ ผู้ต้องหา จำเลย ผู้เสียหาย และพยานไว้ ถือเป็นรัฐธรรมนูญที่ให้หลักประกันสิทธิของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญามากที่สุดฉบับหนึ่งของประเทศไทยและปัจจุบันรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของบุคคลในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหลายประการ โดยเฉพาะมาตรา 29 วรรคสอง ซึ่งวางหลักไว้ว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวถือเป็นหลักสากลของกฎหมายอาญาโดยเฉพาะที่มุ่งคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ เพราะการลงโทษบุคคลใดจะต้องปรากฏหลักฐานที่ปราศจากข้อสงสัยว่าผู้นั้นกระทำความผิด
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาให้ได้รับความเป็นธรรม และเป็นการป้องกันมิให้ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกลงโทษในความผิดที่ตนมิได้กระทำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจึงได้กำหนดการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาในชั้นการสอบสวนไว้ ดังนี้
1. มีสิทธิแจ้งให้ญาติทราบถึงการถูกจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุม และได้รับการเยี่ยมตามสมควร โดยผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมหรือขังมีสิทธิแจ้งหรือขอให้เจ้าพนักงานแจ้งให้ญาติหรือผู้ที่ไว้วางใจทราบว่าตนถูกจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุม ทั้งนี้ ผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร
2. มีสิทธิในการพบและปรึกษาทนายความเป็นการเฉพาะตัว โดยผู้ต้องหามีสิทธิที่จะได้พบกับทนายความและปรึกษา
3. มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย โดยเมื่อผู้ต้องหาถูกควบคุมหรือขังมีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย
4. มีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อกล่าวหา และได้รับการสอบสวนด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม โดยพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำที่กล่าวหาว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิด แล้วจึงแจ้งข้อหาให้ทราบ และผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการสอบสวนด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนต้องให้โอกาสผู้ต้องหาที่จะแก้ข้อหาและแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ตนได้
5. มีสิทธิที่จะได้รับการจัดหาทนายความเพื่อช่วยเหลือในคดี โดยในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่ผู้ต้องหามีอายุไม่เกิน 18 ปี ในวันที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา และคดีที่มีอัตราโทษจำคุกก่อนเริ่มถามคำให้การ ให้พนักงานสอบสวนถามผู้ต้องหาว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีให้รัฐจัดหาทนายความให้กับผู้ต้องหา
6. มีสิทธิที่จะให้การหรือไม่ให้การในชั้นสอบสวนได้ โดยในการถามคำให้การผู้ต้องหานั้นให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบก่อนว่า ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ ถ้าผู้ต้องหาให้การ ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้การนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ทั้งนี้ ผู้ต้องหามีสิทธิให้ทนายความหรือผู้ที่ตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำของตนได้
7. มีสิทธิที่จะไม่ถูกบังคับขู่เข็ญ หลอกลวง ให้สัญญาเพื่อให้การ โดยในการถามคำให้การผู้ต้องหา ห้ามมิให้พนักงานสอบสวนดำเนินการที่เป็นการให้คำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ใช้กำลังบังคับ หรือกระทำโดยมิชอบ เพื่อจูงใจให้ผู้ต้องหาให้การใด ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้อง
8. มีสิทธิได้รับการสอบปากคำด้วยวิธีพิเศษเช่นเดียวกับพยานในกรณีที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี โดยให้พนักงานสอบสวนแยกดำเนินการในสถานที่ที่เป็นสัดส่วนและเหมาะสมสำหรับเด็ก และให้มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ บุคคลที่เด็กร้องขอ และพนักงานอัยการร่วมอยู่ด้วยในการถามปากคำเด็กดังกล่าว
9. มีสิทธิที่จะได้รับการจัดหาล่ามภาษา ล่ามภาษาถิ่น ล่ามภาษามือ โดยการสอบสวนผู้ต้องหาที่ไม่สามารถพูดหรือเข้าใจภาษาไทย ไม่สามารถพูดหรือได้ยิน หรือสื่อความหมายได้ และไม่มีล่ามภาษาล่ามภาษาถิ่น ล่ามภาษามือ แล้วแต่กรณี ให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล จัดหาล่ามดังกล่าวให้กับผู้ต้องหา
10. มีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว โดยผู้ต้องหาหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องมีประกัน หรือมีประกัน หรือมีประกันและหลักประกันได้ แล้วแต่กรณี ไม่ว่าผู้ต้องหาดังกล่าวจะถูกควบคุมหรือขังตามหมายศาลก็ตาม โดยกรณีที่ผู้ต้องหาถูกควบคุมอยู่และยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล ให้ยื่นคำร้องต่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ และกรณีที่ผู้ต้องหาต้องขังตามหมายศาลและยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล ให้ยื่นคำร้องต่อศาลดังกล่าว
กล่าวโดยสรุป แม้บุคคลจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา แต่ยังมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลที่ทำให้บุคคลที่ตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาต้องขาดอิสรภาพในชีวิตและร่างกาย ดังนั้นเจ้าพนักงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และผู้ต้องหาควรที่จะได้รับทราบถึงสิทธิต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดีต่อไป
สงวนลิขสิทธิ์ © 2565 หอสมุดรัฐสภา
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
เลขที่ 1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
โทรศัพท์ : +66(0) 2242 5900 ต่อ 5714, 5715, 5721-22 โทรสาร : +66(0) 2242 5990
อีเมล : library@parliament.go.th