“การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้า ทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน และเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศ ให้เจริญก้าวหน้า สร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 54 กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการ ในระบบต่าง ๆ และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนแต่ขาดโอกาส ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือทุรกันดาร ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม เด็กที่มีความบกพร่องทางสุขภาพจำนวนมากที่ต้อง รักษาตัวในโรงพยาบาลหรือที่บ้านเป็นเวลานาน มักขาดโอกาสทางการศึกษาหรือได้รับการศึกษาที่ไม่ต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ “ศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาล” จึงถูกจัดตั้งขึ้นในโรงพยาบาลหลายแห่ง เพื่อให้ เด็กที่ป่วยสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตามวัย แม้จะไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ
ศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาลเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญในการช่วยเหลือเด็กที่ป่วย โดยมุ่งเน้นการศึกษาที่ไม่ทำให้เด็กสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้เนื่องจากการป่วยอาจส่งผลให้เด็ก ไม่ได้รับการศึกษาเหมือนเด็กทั่วไปในโรงเรียน แต่ว่าสถานการณ์ของศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาล ยังคงมีข้อจำกัดในหลายด้าน เช่น ขาดแคลนทรัพยากร ความไม่พร้อมของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ในการสอนเด็กที่ป่วย รวมถึงข้อจำกัดในด้านพื้นที่และเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็ก ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าวพร้อมทั้งขยายโอกาสทางการศึกษาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ คณะรัฐมนตรี จึงมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาล ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยนับจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พร้อมอนุมัติงบประมาณดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 30,327,930 บาท เพื่อจัดตั้งศูนย์การเรียนใน 77 จังหวัด 85 ศูนย์การเรียนรู้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
รูปแบบการให้บริการของศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาลจะแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละหน่วยงาน โดยยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ เช่น การสอนแบบรายบุคคล กลุ่มย่อย และการจัดกิจกรรมรวม เป็นต้น การรับนักเรียนเข้าเรียนจะพิจารณาโดยแพทย์ นักวิชาชีพ ผู้ปกครอง และครูผู้สอนร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทางการให้บริการที่เหมาะสม ซึ่งจากข้อมูลของสำนัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ปัจจุบันมีศูนย์การเรียน สำหรับเด็กในโรงพยาบาล จำนวน 77 จังหวัด 91 ศูนย์การเรียน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีเด็กป่วยที่มาใช้บริการซึ่งอายุถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน จำนวน 27,627 คน ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคเลือด โรคมะเร็ง และโรคปอด ตามลำดับ
การศึกษาของเด็กในโรงพยาบาลเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญตามรัฐธรรมนูญ และเป็นส่วนหนึ่งของ การพัฒนาให้เด็กทุกคนมีโอกาสเรียนรู้ในทุกสถานการณ์ การสร้างศูนย์การเรียนในโรงพยาบาลจึงเป็นแนวทาง สำคัญในการลดช่องว่างทางการศึกษาและส่งเสริมโอกาสการเรียนรู้เพื่อให้การเรียนรู้ของเด็กในโรงพยาบาล มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากการเพิ่มทรัพยากรและงบประมาณแล้ว บุคลากรที่ทำหน้าที่สอนเด็กควรได้รับการฝึกอบรมให้มีความเชี่ยวชาญในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับสภาพความเจ็บป่วยของเด็ก แต่ละคนด้วย
สงวนลิขสิทธิ์ © 2565 หอสมุดรัฐสภา
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
เลขที่ 1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
โทรศัพท์ : +66(0) 2242 5900 ต่อ 5714, 5715, 5721-22 โทรสาร : +66(0) 2242 5990
อีเมล : library@parliament.go.th