การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ที่ผ่านมารัฐได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่จากการที่ผู้รับทุนหรือนักวิจัยไม่สามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎหมายและกฎระเบียบของรัฐ ทำให้ไม่มีการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ต่อมาจึงได้มีการตราพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดจากการให้ทุนหน่วยงานของรัฐให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยสามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐได้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศส่วนรวม ซึ่งภาคส่วนต่าง ๆ จะได้ประโยชน์จากพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนี้ 1) ภาคเอกชนที่ทำวิจัยสามารถขอเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐได้ รวมถึงวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) สามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้น 2) สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย นักวิจัย สามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม ลดขั้นตอนการเจรจากับภาคเอกชน ตลอดจนเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย 3) ประชาชน เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมและทันสมัย เพื่อใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและบริการและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีงบประมาณและกลไกที่สนับสนุนที่ชัดเจน 4) ประเทศชาติมีการปรับเปลี่ยนเข้าสู่เศรษฐกิจนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างรายได้ เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เนื่องจากนักวิจัยมีแรงจูงใจในการสร้างนวัตกรรมไปสู่ผู้ใช้ประโยชน์
งานวิจัยหรืองานสร้างสรรค์ที่นำมาไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในโครงการ โครงการวิจัย และรายงานการวิจัยตามพระราชบัญญัติดังกล่าว นักวิจัยจะต้องนำไปใช้จนก่อให้เกิดประโยชน์ได้จริง และสามารถนำไปใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการประยุกต์ใช้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์หรือการรับรอง/การตรวจรับงานโดยหน่วยงานภายนอก ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
ที่ผ่านมาประเทศไทยมีผลงานวิจัยและนวัตกรรมจำนวนมากที่ยังไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ ด้วยสาเหตุจากการขาดความเชื่อมโยงการบริหารจัดการงานวิจัยที่มีประสิทธิภาพระหว่างภาครัฐ เอกชนและสถาบันอุดมศึกษา การลงทุนวิจัยที่กระจัดกระจายเป็นโครงการย่อยของหลายหน่วยงาน การขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยที่สำคัญ การขาดแคลนบุคลากรระดับนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูง ตลอดจนการขาดแคลนความรู้ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 จึงเป็นกฎหมายที่สนับสนุนให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยสามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับทุนจากหน่วยงานของรัฐ เพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์หรือสาธารณประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น รวมถึงยังช่วยยกระดับของงานวิจัยในสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยของรัฐ โดยเพิ่มแรงจูงใจให้สถาบันวิจัยและนักวิจัยผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการของภาคการผลิตและบริการ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยงานที่เป็นเจ้าของผลงานวิจัย หน่วยงานที่ต้องการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย และหน่วยงานให้ทุนและจัดสรรงบประมาณวิจัย ต้องดำเนินการขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้มีกระบวนการหรือกลไกในการส่งเสริม/หนุนเสริมและติดตามให้หน่วยงานที่รับทุนสามารถผลักดันให้งานวิจัยเกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สงวนลิขสิทธิ์ © 2565 หอสมุดรัฐสภา
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
เลขที่ 1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
โทรศัพท์ : +66(0) 2242 5900 ต่อ 5714, 5715, 5721-22 โทรสาร : +66(0) 2242 5990
อีเมล : library@parliament.go.th